Tuesday, May 10, 2011

Shoe-Thrower’s Index




sukk.araya is moved by the inspiration of
my teachers,
my friends and  



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

Shoe-Thrower’s Index


ดัชนีการขว้างรองเท้า : ตัววัดความไม่สงบของประเทศ


นิตยสารดิอิโคโนมิสต์ได้ตีพิมพ์บทความและนำเสนอดัชนีชี้วัดของประเทศอาหรับจำนวนหนึ่ง ซึ่งดิอิโคโนมิสต์ให้ชื่อดัชนีนี้ว่า "ดัชนีการขว้างรองเท้า" (Shoe-Thrower’s Index) (คาดว่าชื่อดัชนีนี้มาจากเหตุการณ์ที่ผู้สื่อข่าวอิรักขว้างรองเท้าใส่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่มีต่อผู้นำสหรัฐ) ซึ่งดัชนีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ความไม่สงบที่เริ่มต้นขึ้นในตูนิเซียนั้นมีแนวโน้มจะแพร่กระจายไปมากน้อยเพียงไร ในอนาคตการเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองอาจเกิดขึ้นในประเทศใดต่อไป โดยบางประเทศไม่ได้นำมาแสดงให้เห็นในดัชนีนี้ด้วย

"ดัชนีการขว้างรองเท้า" มีหลายองค์ประกอบ แต่ละองค์ประกอบมีน้ำหนักที่แตกต่างกัน ตัวแปรบางตัวนั้นอาจจะยากที่วัดเป็นตัวเลขได้ เช่น ความขัดแย้ง หรือ การเช่น ปาเลสไตน์ ซูดาน หรือโซมาเลีย เนื่องจากความจำกัดของข้อมูลว่างงาน ซึ่งมีความไม่แน่นอนมากทำให้การเปรียบเทียบระหว่างประเทศทำได้ยาก
 
ตัวแปรที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีนี้ ได้แก่

สัดส่วนของประชากรที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี (ให้น้ำหนักร้อยละ 35)
จำนวนปีที่รัฐบาลอยู่ในอำนาจ (น้ำหนักร้อยละ 15)
การทุจริตคอร์รัปชัน (น้ำหนักร้อยละ 15)
ความเป็นประชาธิปไตย (น้ำหนักร้อยละ 15)
รายได้ประชาชาติต่อหัวของประชากร (น้ำหนักร้อยละ 10)
ความมีเสรีภาพของสื่อ (น้ำหนักร้อยละ 5)
และจำนวนของประชากรที่อายุน้อยกว่า 25 ปี (น้ำหนักร้อยละ 5)
แต่ในภายหลังได้มีการเพิ่มตัวแปรเข้าไปอีก 2 ตัว คือ อัตราการอ่านออกเขียนได้ของประชากรและร้อยละของประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ต
 
ผลที่แสดงให้เห็นจากดัชนี คือ
ตูนิเซียซึ่งเป็นประเทศแรกที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลประสบความสำเร็จในการโค่นล้มผู้นำประเทศอยู่ในลำดับที่ 10 อียิปต์ซึ่งประสบความสำเร็จในลำดับถัดมาอยู่ในอันดับที่ 5 ขณะที่ลิเบียซึ่งมีปัญหารุนแรงและอยู่ในกระแสความสนใจของคนทั่วโลกในเวลานี้อยู่ในอันดับที่ 2
 
เราจะเห็นว่าดัชนีนี้อาจไม่สามารถนำมาใช้ทำนายได้ว่าประเทศใดจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบก่อนหรือหลังได้ เยเมน ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับ 1 แม้มีปัญหาแต่ยังไม่ถึงจุดแตกหัก เช่นเดียวกับบาห์เรน ซึ่งมีปัญหาเช่นกัน แต่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 13
 
สถานการณ์ความไม่สงบมีความเป็นพลวัตมาก อาจไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตัวแปรไม่กี่ตัว นอกจากนี้ยังมีตัวแปรที่ไม่อาจนำเข้าไปรวมในการคำนวณหาดัชนีได้ เช่น "ตัวจุดชนวนสถานการณ์" ที่จะเกิดขึ้นเมื่อไรไม่มีใครทราบ (เช่น กรณีนายโมฮัมหมัด บูอะซิซี่ ตัดสินใจเผาตัวตายประท้วง หลังจากที่ถูกตำรวจไล่ไม่ให้ขายผลไม้เพื่อเลี้ยงครอบครัว ถือเป็นตัวจุดชนวนของเหตุการณ์ในตูนิเซีย หรือความสำเร็จของตูนิเซียที่กลายเป็นตัวจุดชนวนของการประท้วงในอียิปต์ในเวลาต่อมา เป็นต้น)  
 
อย่างไรก็ตาม ดัชนีนี้มีประโยชน์ในการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะนำไปสู่สถานการณ์ความไม่สงบได้ทุกเวลา แสดงให้เห็นถึงปัจจัยที่อาจสร้างเงื่อนไขในการนำไปสู่ความไม่สงบได้
 
หันกลับมามองสังคมไทย
ผมเห็นว่ารัฐบาลต้องเตรียมรับกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ปะทุหนักขึ้น ซึ่งจะกระทบด้านเศรษฐกิจในอนาคตอย่างแน่นอน เนื่องจากประเทศเหล่านี้เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ เราควรเรียนรู้จากดัชนีและกรณีศึกษาเหล่านี้ คือ รัฐบาลต้องไม่สร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การต่อต้านขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการคอร์รัปชัน การยึดอำนาจไว้กับตัวเอง การลิดรอนเสรีภาพของสื่อ หรือความไม่เป็นอยู่ของประชาชน หากรัฐบาลไม่ต้องการจะถูกประชาชนกลุ่มต่างๆ "ขว้างรองเท้า" เข้าใส่




4 comments:

  1. คงได้เห็นกันในเดือนนี้ ...ร้อน

    ReplyDelete
  2. เท้าเปล่าMay 30, 2011 at 9:56 PM

    เสียดาย น่าจะปาให้ครบคู่

    ReplyDelete
  3. ตูนิเซียซึ่งเป็นประเทศแรกที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลประสบความสำเร็จในการโค่นล้มผู้นำประเทศ ต่อไปก็ประเทศ ...

    ReplyDelete