ดร.วีระพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่ อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เสนอแนวคิดการขายหุ้นที่รั ฐบาลถืออยู่ในรัฐวิสาหกิจบางแห่ ง (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)) ให้กับกองทุนวายุภักษ์ เพื่อที่รัฐบาลจะไม่ได้เป็นผู้ ถือหุ้นใหญ่ และทำให้หน่วยงานดังกล่าวไม่ได้ มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่จำเป็ นต้องค้ำประกันหนี้ของทั้ งสององค์กรนี้และทำให้ยอดหนี้ สาธารณะลดลง
ทันทีที่แนวคิดนี้ถูกเผยแพร่ ออกมาก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิ จารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะจากอดีตรัฐมนตรีคลั งในรัฐบาลชุดนี้ ข้อโต้แย้งสำคัญคือ รัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อการก่ อหนี้ได้มากขึ้น โดยที่สัดส่วนหนี้สาธารณะที่ ปรากฏยังไม่เกินกรอบความยั่งยื นทางการคลัง ซึ่งถือเป็นการตบแต่งบัญชี ซ่อนหนี้สาธารณะไม่ให้ปรากฏ ทั้งที่รัฐบาลยังค้ำประกันหนี้ ดังกล่าวอยู่
ผมเห็นด้วยว่าหนี้เดิมของรัฐวิ สาหกิจที่รัฐบาลยังมีภาระค้ ำประกันอยู่นั้นยังคงต้ องปรากฏในตัวเลขหนี้สาธารณะ เพราะในเชิงพฤตินัยรัฐบาลยังต้ องรับชำระหนี้ หากรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ไม่ สามารถชำระหนี้ได้ และรัฐบาลไม่ควรยกเลิกการค้ ำประกันหนี้เดิมในทันทีที่ไม่ ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะจะสร้างผลกระทบต่อมูลค่าสิ นทรัพย์ของ ปตท.และการบินไทยอย่างรุนแรง และทำลายความเชื่อมั่นของผู้ถื อหุ้น นักลงทุน และเจ้าหนี้ของทั้งสององค์กร
อย่างไรก็ดี แนวคิดของประธาน กยอ.จุดประเด็นคำถามที่น่ าสนใจเกี่ยวกับการบริหารหนี้ สาธารณะของประเทศ กล่าวคือ รัฐบาลจำเป็นต้องค้ำประกันหนี้ ทั้งหมดของรัฐวิสาหกิจทุกองค์ กรหรือไม่
ในความเห็นของผม มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจไม่ จำเป็นต้องค้ำประกันหรือค้ ำประกันเพียงบางส่วนให้กับรัฐวิ สาหกิจบางประเภท เช่น รัฐวิสาหกิจที่มีสินทรัพย์ที่ ไม่ใช่สินทรัพย์สาธารณะ รัฐวิสาหกิจที่มีฐานะการเงินที่ มั่นคงและมีอันดับความน่าเชื่ อถือสูง รัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้จัดบริ การสาธารณะหรือมีผลต่อความมั่ นคงของประเทศ เป็นต้น
No comments:
Post a Comment