Wednesday, April 25, 2012

รัฐบาลจำเป็นต้องค้ำประกันหนี้รัฐวิสาหกิจหรือไม่ ตอนที่ 2

ทั้งนี้ การจัดตั้งรัฐวิสาหกิจอาจเป็นไปเพื่อการจัดหาสินค้าหรือบริการสาธารณะให้กับประชาชนในราคาที่เหมาะสม หรือลงทุนในภาคการผลิตที่เป็นประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์และความมั่นคงของประเทศ รัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่จึงได้รับสิทธิพิเศษจากกฎหมายและนโยบายของรัฐ และสินทรัพย์บางส่วนของรัฐวิสาหกิจถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์ของแผ่นดิน เช่นที่ดินที่ได้จาการเวนคืนเพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจำหน่ายจ่ายโอนไปให้เอกชนได้
โดยหลักการขั้นพื้นฐาน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องค้ำประกันอย่างน้อยเท่ากับมูลค่าหนี้ส่วนที่เกินจากมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดที่ไม่ใช่สินทรัพย์สาธารณะ เพราะเมื่อรัฐวิสาหกิจนั้นขาดความสามารถในการชำระหนี้ ก็ไม่สามารถขายสินทรัพย์ดังกล่าวให้กับเอกชนได้ ตัวอย่างเช่น หากรัฐวิสาหกิจหนึ่งมีสินทรัพย์สาธารณะ 60 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ที่สามารถจำหน่ายถ่ายโอนให้เอกชนได้ 40 ล้านบาท หากรัฐวิสาหกิจนี้มีหนี้ทั้งหมด 70 ล้านบาท รัฐบาลก็ควรค้ำประกันหนี้ขั้นต่ำ 30 ล้านบาท
หลักการอีกประการหนึ่ง รัฐบาลยังจำเป็นต้องค้ำประกันหนี้สาธารณะของรัฐวิสาหกิจบางส่วน เพื่อให้รัฐวิสาหกิจนั้นๆ สามารถผลิตสินค้าหรือจัดหาบริการที่จำเป็นต่อสวัสดิภาพของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ โดยมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ (สามารถกู้เงินที่มีดอกเบี้ยต่ำได้) แต่หากรัฐวิสาหกิจนั้นมีฐานะการเงินมั่นคงและมีอันดับความน่าเชื่อถือสูง รัฐบาลอาจไม่จำเป็นต้องค้ำประกันหนี้เต็มจำนวน เพราะรัฐวิสาหกิจดังกล่าวสามารถกู้เงินได้ด้วยต้นทุนต่ำอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี หากสินค้าและบริการดังกล่าว ภาคเอกชนสามารถผลิตได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติแล้ว รัฐบาลอาจไม่จำเป็นต้องค้ำประกันหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ผลิตสินค้าและบริการนี้อีกต่อไป เพราะจะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมและการบิดเบือนกลไกตลาด เพราะรัฐวิสาหกิจมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าภาคเอกชนที่เป็นคู่แข่ง
เมื่อพิจารณาแนวคิดการขายหุ้น ปตท.และการบินไทยด้วยหลักการข้างต้น ธุรกิจของรัฐวิสาหกิจทั้งสองเป็นธุรกิจที่ภาคเอกชนรายอื่นสามารถจัดหาสินค้าและบริการเพื่อมาแข่งขันกับรัฐวิสาหกิจดังกล่าวได้ การค้ำประกันหนี้โดยรัฐบาลอาจทำให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด และทำให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้ได้เปรียบภาคเอกชนรายอื่นๆ ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน
ผมจึงเสนอว่า สัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาลในรัฐวิสาหกิจทั้งสอง และการค้ำประกันหนี้ของรัฐวิสาหกิจขั้นต่ำควรอ้างอิงจากร้อยละของมูลค่าของสินทรัพย์สาธารณะต่อมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดในรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ เพื่อให้สะท้อนว่ารัฐบาลเป็นเจ้าของสินทรัพย์สาธารณะที่อยู่ในรัฐวิสาหกิจนั้นๆ และจะค้ำประกันหนี้เฉพาะในสินทรัพย์ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของเท่านั้น ไม่ได้ค้ำประกันหนี้เต็มจำนวนเหมือนที่เป็นมาอีกต่อไป ไม่ว่าองค์กรนั้นจะเรียกว่าเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ก็ตาม
กล่าวโดยสรุป ผมเห็นว่า รัฐบาลจึงยังจำเป็นต้องค้ำประกันหนี้ก้อนเดิมของรัฐวิสาหกิจอยู่ต่อไป เพื่อมิให้เกิดการปกปิดซ่อนเร้นหนี้สาธารณะและผลกระทบรุนแรงต่อความเชื่อมั่น แต่ส่วนหนี้ที่รัฐวิสาหกิจจะก่อขึ้นใหม่ รัฐบาลอาจไม่จำเป็นต้องค้ำประกันหนี้เต็มจำนวนก็ได้
แหล่งข้อมูล:
http://www.drdancando.com/
http://www.kriengsak.com/

No comments:

Post a Comment